Maastricht |
Maastricht เป็นเมืองหลวงของจังหวัด Limburg อยู่ทางตอนใต้ ติดกับเบลเยี่ยมและเยอรมันนี เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดอีกเมืองหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Maas สร้างโดยชาวโรมันเมื่อ 2050 ปีทีแล้ว ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Mosae Trajectum ที่นี่คุณจะยังได้สัมผัสกลิ่นอายและบรรยา กาศในสมัยก่อนได้ จากโบสถ์ บ้านเรื่อนที่สวยงาม ตรอกซอกซอย เล็ก รวมถึงกำแพงเมืองที่ยังคงมีให้เห็นอยู่จนทุกวันนี้ |
Het Dinghuis |
มีเข็มนาฬิกาอันเดียว |
สัญญลักษณ์ต่างๆที่จะเห็นได้ตามหน้าอาคาร |
ร้านในช่วงถนน Stokstraat จะตกแต่งร้านสวยงาม |
ใกล้กันนั้นก้มีมีโบสถ์ O.L. Vrouwebaliliek เป็นโบสถ์สไตล์โรมันที่ใหญ่มากๆ จนไม่สามารถเก็บภาพมาได้ทั้งหมด มองเผินๆจะคล้ายกับปราสาทซะมากกว่า โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ 1000 ปีที่แล้ว วันที่เราไปนั้นเข้าไมได้ เพราะมีทำพิธี เลยอดดูข้างในเลยว่างามแค่ไหน แต่คราวหน้าคงได้ไปเยือนอีกแน่นอน |
ที่เห็นนี่เป็นด้านข้างของโบสถ์ O.L. Vrouwebaliliek ส่วนด้านซ้ายมือเป็นด้านหลัง |
Helpoort |
De Pater Vicktoren |
Faliezustersklooster |
สะพานเดินไปสวนสาธารณะ |
กำแพงเมืองด้านในที่ยังหลงเหลือให้เห็น |
ด้านขวามือคือ St. Jankerk ด้านล่างซ้ายมือคือ St. Servaasklooster |
กำแพงเมือง O.L. Vrouwewal |
ด้านบนและขวามือคือภายใน St. Servaasklooster |
Spaans Gouvernment |
www.holland4thai.net |
|
|
จากสถานีรถไฟ Maastricht เราเดินตรงมาเรื่อยๆ ข้ามสะพาน St. Servaasbrug มา แล้วก็เดินตรงมาเรื่อยๆถึงถนน Kersenmark ด้านขวามือจะเห็น Het Dinghuis เป็นอาคารที่สร้างในสไตล์โกธิคในปลายศตวรรษที่ 15 ช่วงบนของอาคารด้านหน้าจะมีนาฬิกาอันใหญ่ ที่พิเศษคือมีเข็มนาฬิกาเพียงเข็มเดียว (แล้วจะดูเวลายังไงล่ะเนี่ย) ส่วนด้านบนสุดจะเป็น uitkijkpost อาคารนี้ในสมัยก่อนจะใช้เป็นที่พิจารณาคดี ส่วนด้านบนจะเป็นที่คุมขังนักโทษ ปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการสำนักงานการท่องเที่ยว VVV |
|
|
จากตรงนี้เราเดินทางซ้ายเข้าสู่ ถนน de Maastricht Smedenstraat ช่วงนี้จะเป็นส่วนเมืองเก่า ที่ถูกปรับปรุงใหม่ ด้านหน้าของตัวอาคารป้ายจะมีสัญญลักษณ์ต่างๆเป็นรูปต่างๆทำจากหิน เช่นเป็นรูปสิงห์โต กังหัน นก เป็นต้น จะอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17และ18 |
|
|
|
ช่วงนี้จะเป็นถนนแคบๆ มีร้านค้าเล็กๆ ตามอาคารก็จะมีสัญญ ลักษณ์ที่เห็นข้างบนนั้นด้วย |
|
|
|
|
|
เดินมาอีกนิดก็จะเจอกับกำแพงเมืองO.L.Vrouwewal (รูปด้านขวามือ) ส่วนนี้เป็นส่วนแรกที่สร้างขึ้นเมื่อปีหลังปีค.ศ.1229 ในส่วนที่สองสร้างขึ้นภายหลังปีค.ศ.1294 |
|
จากตรงนี้เดินต่อไปจะพบกับหอคอยป้องกันเมืองเรียกว่า Helpoort ซึ่งเป็นหอคอยที่เก่าที่สุดและเหลืออยู่ในเนเธอร์แลนด์ เปิดให้เข้าชมฟรีในช่วงกลางเดือนเมษายนจนถึงช่วงฤถูใบไม้ร่วง เวลา 14.00น. ถึง 17.00 น. |
|
จาก Helpoort เดินต่อไปก็จะพบกับ De Pater Vicktoren เป็นหอคอยอีกที่หนึ่งอยู่ตรงปลายสุดของกำแพงเมืองด้านนี้ เดินถัดมาก็จะพบกับอาคาร Faliezustersklooster เป็นที่พำนักสำหรับแม่ชี ตัวอาคารจะมีจุดเด่นตรงหน้าต่างเป็นรูปสามเหลี่ยมขาวแดง |
|
ก่อนจะเดินต่อไปเราก็เก็บภาพรอบๆตรงนี้มาให้ดูอีกหน่อย เป็นวิวที่มองเห็นสะพานข้ามแม่น้ำ Maas สวนสาธารณะ แล้วก็อาคารในละ แวกนี้ |
|
|
|
|
จากกำแพงเมือง เราจะเดินกลับเข้าไปยังในเมืองกันใหม่ แต่ว่าเป็นคนละด้านกัน จากกำแพงเมืองเก่าที่เห็นด้านบนขวามือนั้น ใกล้กันนั้นก็จะเป็นบ้านเรือนน่ารักๆ มีถนนเล็กๆกั้นกลาง จากนั้นเราก็เดินต่อไปเรื่อยๆตามแผนที่ท่องเที่ยว ผ่านย่านนักศึกษาและมหาวิทยาลัย Maastricht จากนั้นก็เดินต่อไปอีกนิด ก็จะเจอกับโบสถ์ St. Jankerk สูงตระหง่านอยู่ตรงหน้าด้วยความสูง 70 เมตร และเห็นเด่นชัดเพราะตัวโบสถ์จะเป็นมีแดง ตัวโบสถ์สร้างในสไตล์โกธิคในศตวรรษที่ 12 วันนั้นเราไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะมีพิธีการ |
|
|
St. Servaasklooster อยู่ถัดไปทางด้านขวามือของ St.Jankerk สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ฝังศพของ St. Servaas bishop of Tongeren (Belgium) ซึ่งบ้ายอยู่ที่ Maastricht และตายในปี ค.ศ.384 ด้านในจะมีห้องเก็บทรัพย์สินและบัติต่างๆเกี่ยวกับศาศนา เปิดให้เข้าชมทุกวันยกเว้นวันหยุดประจำชาติ ในเวลา 10.00 น. ถึง 17.00 น วันอาทิตย์เวลา 12.30 น. ถึง 17.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 3.50 ยูโร เด็กอายุ 6-12 ปี 1 ยูโร |
|
|
|
|
|
ออกจากโบสถ์เดินมาอีกหน่อยก็จะเห็น Spaans Gouvernment เป็นอาคารที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 สไตล์เรเนซองส์ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงภาพวาดของ Kizer Karel V Isabella of Protugal และ ภาพวาดตอนเด็กของ Philips IIกษัตริย์สเปนผู้เคยมาพักที่นี่ เปิดให้เข้าชมวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา 13.00น. 17.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 2.50ยูโร เด็กอายุถึง16 ปี เข้าฟรี |
|
|
และแล้วเราก็เดินมาถนนที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเที่ยวชมเมืองในครั้งนี้แล้ว จากนี้ไปก็ไปหาอะไรใส่ท้องกันก่อน แล้วค่อยเดิน ช็อปปิ้งกันตามอัธาศัยค่ะ จากนี้ไปก็จะเป็นภาพบรรยากาศทั่วไปตามใจผู้เขียนล่ะค่ะ |
ซ้ายมือที่เห็นนี่ วันนั้นเค้ามีสวนสนุกกลางจตุรัส Vrijhof เราแวะกินไส้กรอกเยอรมันกันที่นี่ด้วย อร่อยมากๆ |
|
เลือกนั่งดืมกันตามอัธยาศัยค่ะ |
|
หรือจะเลือกช็อปปิ้งกันให้กระเป๋าเบาลงไปก่อนกลับบ้าน |
|
|
เห็นตะลันเริ่มจะลับขอบฟ้าแล้ว คงต้องถึงเวลากลับบ้านแล้วล่ะค่ะ นั่งรถไฟอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆนิดหน่อยก็ถึงบ้านแล้ว เอาของในตู้เย็นมาทำอะไรกินแบบง่ายๆก็มีความสุขไปอีกวันนึงแล้วล่ะ |